ซิตี้กรุ๊ป มาสเตอร์การ์ด และแบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ซึ่งเป็นบริษัทบัตรเครดิตยักษ์ใหญ่เปิดเผยว่า ชาวสหรัฐ ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับแบรนด์ดัง ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความยืดหยุ่นของธุรกิจในภาคสินค้าฟุ่มเฟือย
บริษัทบัตรเครดิตทั้ง 3 เปิดเผยรายการในเดือนนี้แสดงให้เห็นว่าชาวสหรัฐลดการใช้จ่ายลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการชอปปิงในช่วงเทศกาลวันหยุด รายงานดังกล่าวอาจสร้างความกังวลใจให้กับเหล่านักลงทุนว่า มีความเสี่ยงที่อุตสาหกรรมที่เฟื่องฟูหลังจากการระบาดของโควิด-19 จะชะลอตัวลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยของชาวสหรัฐในปีที่แล้ว ช่วยสร้างรายได้อย่างมากมายให้กับบริษัทต่าง ๆ เช่น ชาแนล และ LVMH
ข้อมูลระบุว่า ชาวสหรัฐปรับลดการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าระดับไฮเอนด์ลง ส่วนรายงานจากแต่ละบริษัทบัตรเครดิตพบว่า ชาวสหรัฐปรับลดค่าการใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนส.ค.ลง 2-4% และปรับลดในเดือนก.ย.ลง 5-6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
จากการวิจัยของ BofA ซึ่งได้วิเคราะห์การซื้อผ่านบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของครัวเรือนประมาณ 16% ในสหรัฐ พบว่า ประชาชนกลุ่มที่มีการปรับลดการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากที่สุดคือ กลุ่มที่มีรายได้ปานกลางโดยมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 50,000 ถึง 125,000 ดอลลาร์ และกลุ่มที่มีรายได้ต่อปีน้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี
BofA ระบุว่า ในปี 2564 กลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี มีสัดส่วนคิดเป็น 39% ของการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐ ในขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 ถึง 125,000 ดอลลาร์คิดเป็น 34% ของทั้งหมด