บริษัทเมอส์ก (Maersk) ผู้ให้บริการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์กเปิดเผยผลกำไรในไตรมาส 3/2565 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอัตราค่าระวางสินค้าทางทะเลที่พุ่งสูง แต่ชี้ว่า อุปสงค์เริ่มมีการชะลอตัว
ทั้งนี้ บริษัทเมอส์ก ซึ่งถูกมองว่าเป็นมาตรวัดการค้าโลกที่สำคัญ รายงานว่า ตัวเลขกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3/2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 60% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์
นายโซเรน สโค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมอส์กกล่าวว่า "ผลกำไรที่ยอดเยี่ยม" ในปีนี้ ได้รับแรงหนุนจากอัตราค่าระวางสินค้าทางทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ดังกล่าวนั้นแตะระดับสูงสุดแล้ว และจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4/2565 ท่ามกลางอุปสงค์ที่ลดลงและปัญหาความแออัดของห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลง
นอกจากนี้ นายสโคยังได้ระบุในแถลงการณ์วันนี้ (2 พ.ย.) ว่า "ปัญหาสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน วิกฤตด้านพลังงานในยุโรป อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยถือเป็นปัจจัยถ่วงแนวโน้มในอนาคต โดยบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ทั่วโลก"
ทั้งนี้ ทางบริษัทคาดการณ์ว่า ความต้องการตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกจะหดตัวในช่วงระหว่าง 2% - 4% ในปี 2565 ซึ่งลดลงจากการประมาณการก่อนหน้านี้ที่ระหว่างการเติบโต 1% ถึงการหดตัว 1%