บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 56% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทยังคงเอาตัวรอดจากภาวะที่อุปสงค์อิเล็กทรอนิกส์ชะลอตัวเป็นวงกว้าง
แถลงการณ์ระบุว่า TSMC รายรับเพิ่มขึ้นแตะ 2.103 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (6.6 พันล้านดอลลาร์) จาก 1.345 แสนล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ส่วนยอดขายเมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้น 44% โดยได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวัน
ยอดขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่สมาร์ตโฟนจนถึงคอมพิวเตอร์กำลังชะลอตัว เนื่องจากผู้บริโภคควบคุมการใช้จ่ายมากขึ้นท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตชิปอยู่ภายใต้แรงกดดัน
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมชิปยังได้รับผลกระทบจากสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐกับจีน โดยสหรัฐได้ออกข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อพยายามตอบโต้ความทะเยอทะยานของจีน และพยายามดึงดูดโครงการต่าง ๆ ให้ย้ายไปยังสหรัฐมากขึ้น
เมื่อปีที่แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า TSMC วางแผนสร้างโรงงานผลิตชิปอีกหลายแห่งในรัฐแอริโซนาโดยคาดว่าเงินลงทุนจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปัจจุบัน TSMC มีโรงงานในรัฐดังกล่าวเพียงแห่งเดียว โดยมีการหารือเรื่องสร้างโรงงานที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับการผลิตชิป 3 นาโนเมตร เมื่อเทียบกับโรงงานแห่งแรกที่ผลิตได้เฉพาะชิป 5 นาโนเมตร ซึ่งช้ากว่าและมีประสิทธิภาพน้อยกว่า นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของบริษัทในช่วงที่ธุรกิจเทคโนโลยีชะลอตัวในวงกว้าง
ขณะเดียวกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้ผลิตชิปรายอื่นได้ออกมาเตือนว่า กำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากขึ้น เนื่องจากมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นรวมถึงคำสั่งซื้อจากลูกค้าศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคลดลง