สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 5.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 6.3% เนื่องจากการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมด้านการผลิต
นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.2%
ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ปรับตัวลง 0.5% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เมืองเซี่ยงไฮ้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ยังออกมาสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.ย.
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรปรับตัวขึ้น 5.8% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9% หลังจากมีการขยายตัว 5.9% ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้ถือเป็นหลักฐานครั้งใหม่ที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน อันเป็นผลมาจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมโควิด-19, การทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และอุปสงค์ในต่างประเทศที่อ่อนแอลง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนต.ค.ของจีนปรับตัวลง 0.3% ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 1.3% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563