นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกีในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ว่า เฟดยังคงมีภารกิจที่ต้องทำอีกมากก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ
"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75% - 4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่าเป็นการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่คุมเข้มได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ 5% - 7%" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดระบุว่า หากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนหรือหลายไตรมาสข้างหน้า ก็มีความเป็นไปได้ว่ากรอบอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวอาจจะปรับลดลง พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในปีหน้า แต่ทั้งตลาดการเงินและเจ้าหน้าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 18 เดือนที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และในทางตรงกันข้าม มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐมีการใช้จ่ายด้วยเงินสดจำนวนมาก และภาคครัวเรือนยังคงมีเงินออมที่สูงมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาคครัวเรือนลดการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี