นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวมาร์เก็ตวอตช์ในวันจันทร์ (28 พ.ย.) ว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก และหลังจากนั้นควรจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวตลอดทั้งปี 2566 และตรึงยาวไปจนถึงปี 2567 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ และเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
"เรายังคงต้องดำเนินการตามแนวทางนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน" นายบูลลาร์ดกล่าว พร้อมระบุว่า เขายังคงเชื่อว่าการปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสู่ระดับอย่างน้อย 5.00% - 5.25% จากระดับปัจจุบันที่ 3.75% - 4.00% นั้น ถือเป็นการคุมเข้มนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง
"เมื่อเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึงระดับที่สูงมากพอแล้ว ก็ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไว้ตลอดทั้งปี 2566 และตรึงยาวไปจนถึงปี 2567 เมื่อพิจารณาจากสถิติที่เฟดเคยใช้แนวทางดังกล่าวและสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วทั้งสิ้น 3.75% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 1980 โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งข้อมูลของเฟดระบุว่า เงินเฟ้อของสหรัฐกำลังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟดถึง 3 เท่า
"เราต้องการให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมให้รวดเร็วกว่าที่เราเคยดำเนินการในช่วงทศวรรษที่ 1970" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า คณะกรรมการเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้