ผลสำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่า ผลผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดลงในเดือนพ.ย. นำโดยผลผลิตของซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่และประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในอ่าวอาหรับ หลังกลุ่มโอเปกพลัสได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับลดการผลิตลงอย่างมากเพื่อสนับสนุนตลาดท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า โอเปกผลิตน้ำมันได้ 29.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนนี้ ลดลง 710,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนต.ค. ขณะที่ในเดือนก.ย. โอเปกมีผลผลิตน้ำมันสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563
โอเปกและพันธมิตรหรือโอเปกพลัส ได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในปี 2565 เนื่องจากอุปสงค์ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเดือนพ.ย. ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยโอเปกได้ปรับลดการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในปี 2563
ทั้งนี้ โอเปกพลัสเตรียมจัดการประชุมทางไกลในวันอาทิตย์นี้ (4 ธ.ค.) เพื่อทบทวนเกี่ยวกับนโยบายการผลิต และคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ
ผลสำรวจระบุว่า ซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดกำลังการผลิตลง 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ย. เทียบกับเดือนต.ค. ซึ่งเป็นจำนวนเกือบเทียบเท่ากับที่เคยประกาศไว้ ตามมาด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และคูเวตที่ปรับลดกำลังการผลิตลงมากที่สุดเป็นลำดับถัดมา
ขณะที่แอลจีเรียปรับลดกำลังการผลิตลงราวครึ่งหนึ่งของที่เคยได้ประกาศไว้ และอิรักซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโอเปกซึ่งเคยเรียกร้องขอโควตาการผลิตเพิ่มนั้น ได้ปรับลดกำลังการผลิตลงเล็กน้อยในเดือนพ.ย.
ส่วนไนจีเรียมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกน้ำมันดิบฟอร์คาโดส (Forcados crude)