ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนแอกว่าคาดในวันนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ร่วงลง 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าอาจจะลดลง 3.7% และปรับตัวลงรุนแรงกว่าในเดือนต.ค.ที่ขยับลงเพียง 0.5%
การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.6% และชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย.ปรับตัวขึ้น 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 5.6% และชะลอตัวลงจากช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.ที่มีการขยายตัว 5.8%
อัตราว่างงานของจีนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 5.7% เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.5% ในเดือนต.ค. ขณะที่ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่และขนาดกลางรวม 70 แห่งชะลอตัวลงในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ในขณะที่จีนยังคงเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และมีแนวโน้มที่จะเปิดประเทศ แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ จีนยังเผชิญกับแรงกดดันที่เป็นผลมาจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง โดยยอดส่งออกเดือนพ.ย.ของจีนลดลง 8.7% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลง 10.6%