รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (27 ธ.ค.) ว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี หลังยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 บริเวณพรมแดน ขณะที่เงินอุดหนุนด้านการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐมีส่วนช่วยผลักดันอุปสงค์ผู้บริโภคให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนต.ค. เนื่องด้วยราคาของสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนของญี่ปุ่น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี บ่งชี้ว่าราคาสินค้ามีการปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง
การฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจญี่ปุ่น เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังจากที่หดตัวลงอย่างไม่น่าเชื่อในไตรมาส 3/2565
ขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกขยายตัวขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี แต่ยังคงต่ำกว่าค่ามัธยฐานที่คาดไว้ที่ 3.7% ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของยอดขายประจำปี ซึ่งเป็นมาตรวัดการบริโภคภาคเอกชน ชะลอตัวลงจาก 4.4% ในเดือนต.ค. และ 4.8% ในเดือนก.ย.
ส่วนยอดค้าปลีกหลังปรับค่าตามฤดูกาลลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นแล้วว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1 ล้านคนในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่ญี่ปุ่นได้การเปิดประเทศเต็มเดือนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวหยุดชะงักเป็นเวลานานกว่า 2 ปี
นอกจากนี้ โครงการเงินอุดหนุนการท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนต.ค. ยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนจับจ่ายในการท่องเที่ยวและสินค้าเพื่อการเดินทางมากขึ้น