สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ารถยนต์ (SMMT) ของอังกฤษเปิดเผยในวันนี้ (5 ม.ค.) ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ของอังกฤษปี 2565 ร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2535 เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อาจขยายตัวขึ้น 15% ในปี 2566 หลังปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลง
SMMT ระบุว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของอังกฤษเบื้องต้นร่วงลง 2% สู่ระดับ 1.61 ล้านคันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2562 อยู่ราว 700,000 คัน
ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) มีสัดส่วนคิดเป็น 16.6% ของยอดขายในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากระดับ 11.6% ในปี 2564
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกประสบปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิปเซมิคอนดักเตอร์ โดยผู้ผลิตเน้นการผลิตในรุ่นที่สามารถทำกำไรได้มากกว่าและมียอดคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่จำนวนมาก
นายไมค์ ฮอว์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SMMT ระบุว่า แม้ว่าวิกฤตเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอังกฤษ แต่ SMMT ก็ "มั่นใจพอสมควร" ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะขยายตัวในปี 2566
นายฮอว์สกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) ว่า "เราคาดว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว ซึ่งอาจสวนทางกับวัฏจักรเศรษฐกิจ แต่นั่นเป็นเพราะเรายังไม่เคยฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิดเลย"
ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 18% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยรถ BEV มีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดในเดือนธ.ค.