นายตัซริฟ ระบุว่า ในปี 2565 อินโดนีเซียสามารถผลิตถ่านหินได้ 687 ล้านตันและส่งออกทั้งหมด 494 ล้านตัน
ทั้งนี้ การผลิตถ่านหินเมื่อปีก่อนสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 663 ล้านตัน แม้ว่าจะมีการสั่งห้ามส่งออกในช่วงต้นปี ซึ่งทำให้ผู้ขุดเหมืองบางรายต้องระงับการผลิต ตลอดจนปัญหาฝนตกหนักที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
ข้อมูลด้านการส่งออกของบริษัทเคปเลอร์ (Kpler) ระบุว่า การส่งออกของอินโดนีเซียไปยังอินเดีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และฟิลิปปินส์เมื่อปีที่แล้วมีการปรับตัวขึ้น ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างจีนหดตัวลงในปี 2565
การส่งออกถ่านหินของอินโดนีเซียไปยังอินเดีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน และไทย เพิ่มขึ้นในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564
ทั้งนี้ นายตัซริฟคาดว่า ราคาถ่านหินจะยังคงปรับตัวขึ้นในปีนี้ หลังราคาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2565 อันเป็นผลมาจากอุปทานที่หยุดชะงักเนื่องจากสงครามในยูเครน