คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (EDB) เปิดเผยในวันนี้ (9 ก.พ.) ว่า สิงคโปร์ได้รับสัญญาการลงทุนมากเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 เนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง พร้อมเตือนว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่น่าจะเกิดซ้ำอีกท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
EDB ระบุว่า มูลค่าสัญญาการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (FAI) ในปี 2565 แตะที่ 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากระดับ 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2564 โดยได้รับแรงหนุนจากภาคอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของมูลค่าสัญญาการลงทุน
อย่างไรก็ดี เบห์ สวอน จิน ประธาน EDB กล่าวว่า "เราไม่คิดว่าจะพบตัวเลขการลงทุนเช่นนี้อีก" โดยอ้างอุปสรรคหลัก 3 ข้อ ได้แก่ หนึ่ง ต้นทุนเงินทุนที่สูงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น สอง นโยบายเชิงรุกของประเทศอื่นเพื่อดึงดูดการลงทุน และสาม ความพยายามลดการปลดปล่อยคาร์บอน ที่ทำให้สิงคโปร์ต้องเลือกโครงการที่คำนึงถึงการใช้พลังงานมากกว่าเดิม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.9% ในปี 2566 ลดลงจากที่ขยายตัว 3.4% ในปี 2565 ท่ามกลางนโยบายการเงินที่เข้มงวดซึ่งฉุดรั้งอุปสงค์ไว้ และคาดว่าจะกระทบเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสัญญา FAI อยู่ในช่วง 8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในระยะกลางถึงระยะยาว