รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (2 มี.ค.) ว่า กำไรก่อนหักภาษีของบริษัทญี่ปุ่นลดลง 2.8% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส เนื่องจากผลกระทบของต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
กำไรก่อนหักภาษีของบริษัทในภาคการผลิตลดลงมากที่สุด เนื่องจากบริษัทในภาคส่วนนี้ต้องรับมือกับต้นทุนเคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียม และถ่านหิน โดยบริษัทต่าง ๆ ไม่สามารถผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ไปให้กับผู้บริโภคได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งการที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ซึ่งการอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี กำไรก่อนหักภาษีของบริษัทญี่ปุ่นรวมทุกภาคส่วนนั้น อยู่ที่ระดับ 22.38 ล้านล้านเยน (1.64 แสนล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดอันดับที่สองสำหรับไตรมาส 4 โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนยอดขายโดยรวมของบริษัทญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 6.1% แตะที่ 372.59 ล้านล้านเยน
นอกจากนี้ บริษัทเอกชนของญี่ปุ่นทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการต่างก็เพิ่มการลงทุนในไตรมาส 4/2565 โดยการใช้จ่ายด้านทุนเพิ่มขึ้น 7.7% สู่ระดับ 12.44 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 ไตรมาส
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นได้จากการสำรวจบริษัทญี่ปุ่นจำนวน 32,331 รายที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ล้านเยนขึ้นไป