นายเจมส์ แมคคอร์แมค หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกของฟิทช์ให้สัมภาษณ์ว่า "ขณะนี้เรามีความกังวลมากขึ้น"
สหรัฐได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สมบูรณ์แบบจากทั้งฟิทช์และและมูดีส์ หากแต่มิใช่เพราะปัจจัยพื้นฐานทางการเงิน โดยสถานะการเงินของสหรัฐนั้นมีปัญหาอยู่แล้ว และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหรัฐถูกเอสแอนด์พี โกลบอลลดอันดับความน่าเชื่อถือในปี 2554 โดยปัญหาหนี้สินและต้นทุนดอกเบี้ยของสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งนี้ สหรัฐได้รับการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AAA จากสถานะที่โดดเด่นในโลกการเงิน แทนที่จะเป็นพื้นฐานทางการเงิน โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสำรองของโลก และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถูกนักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง ซึ่งคุณลักษณะ 2 ประการข้างต้นนี้ทำให้สหรัฐมีอำนาจทางการเงินอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นายแมคคอร์แมคได้เตือนว่า "ลูกไม้เดิม ๆ" อย่างการถกเถียงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ "จะหักล้างข้อได้เปรียบทั้งสองประการนี้"
ยิ่งสหรัฐเข้าใกล้วันที่เงินหมดจริง ๆ มากเท่าไร เหล่านักลงทุนยิ่งต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นก็คือ การผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่
"หากนักลงทุนต้องพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าว นั่นย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากำลังมองหาในสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยงใช่ไหมล่ะ" นายแมคคอร์แมคกล่าว พร้อมเสริมว่า ผู้คนอาจต้อง "ประเมินใหม่" ว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปราศจากความเสี่ยงจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ศูนย์นโยบาย Bipartisan Policy Center ได้วิเคราะห์ไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า สหรัฐมีแนวโน้มที่จะเริ่มผิดนัดชำระหนี้ในช่วงฤดูร้อนหรือต้นฤดูใบไม้ร่วงนี้ หากสภาคองเกรสไม่จัดการกับเพดานหนี้ให้ทันกำหนดเส้นตาย