สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นมในอินเดียเริ่มมีราคาแพงขึ้น และอาจแพงขึ้นอีกจนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในอีกไม่ช้า บีบให้รัฐบาลอินเดียต้องเพิ่มการนำเข้าเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าและลดแรงกดดันจากค่าครองชีพ
เหล่าเกษตรกรโคนมของอินเดียกำลังรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นถึง 2 อย่างพร้อมกันได้แก่ โรคลัมปีสกิน (lumpy skin disease) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นในโค และจำนวนโคพร้อมจำหน่ายที่ลดลงหลังการระบาดของโควิด-19 ชะลอการเพาะพันธุ์วัว
ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ราคานมในอินเดียพุ่งขึ้นมากกว่า 15% สู่ระดับ 56 รูปี (0.68 ดอลลาร์) ต่อลิตร ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่เร็วที่สุดในรอบ 10 ปี ทำให้เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะปรับลดอัตราเงินเฟ้อค้าปลีกลงสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลาง
ทั้งนี้ สื่อคาดว่า ราคานมและสินค้าพื้นฐานอื่น ๆ ที่พุ่งสูงขึ้น อาจกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
นางอุปัสนา ภารดะวัจ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารโกตัก มหินทรา กล่าวว่า "ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากราคานมที่พุ่งสูงขึ้นกำลังจะกลายเป็นอุปสรรคเพิ่มเติมที่ต้องจัดการ เนื่องจากนมมีสัดส่วนคิดเป็น 6.6% ของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ราคานมที่เพิ่มขึ้น อาจมีนัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้"
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์นมจะเพิ่มขึ้น 7% ในปีนี้
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมการการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมแห่งชาติ (NDDB) ของรัฐบาลอินเดียระบุว่า การผลิตนมมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ในปีงบประมาณที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดลงไปเมื่อเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประจำปีที่ 5.6% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก