สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ออสเตรเลียมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.527 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.265 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังสูงกว่ายอดเกินดุลการค้าในเดือนก.พ.ซึ่งอยู่ที่ 1.387 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ABS ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ออสเตรเลียมียอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น มาจากยอดส่งออกที่พุ่งขึ้นถึง 4% ในเดือนมี.ค. หลังจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นอย่างมาก โดยการส่งออกแร่เหล็กและถ่านหินต่างก็พุ่งขึ้นรายการละ 20% ขณะที่การส่งออกก๊าซ LNG เพิ่มขึ้น 7%
ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากจีนซึ่งเป็นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียนั้น เปิดประเทศและยกเลิกการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์
ส่วนยอดนำเข้าในเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้น 2% หลังจากออสเตรเลียสั่งซื้อสินค้าประเภททุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงเครื่องจักรและเครื่องมือที่ใช้ในอุตสาหกรรม
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดส่งออกที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางเพิ่งจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 3.85% ในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก เนื่องจากมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 7% ยังนับว่าสูงเกินไป
ข้อมูลของ ABS ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค อยู่ที่ระดับ 7% ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากระดับ 7.8% ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว แต่ก็สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.9%