ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานด้านเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีในวันจันทร์ (8 พ.ค.) โดยระบุว่า ในภาพรวมนั้น ภาคธนาคารของสหรัฐยังคงอยู่ในสถานะที่ดี และสามารถต้านทานภาวะปั่นป่วนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ได้
รายงานของเฟดระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐมีความเสี่ยงด้านการระดมเงินทุนอยู่ในระดับต่ำและมีสภาพคล่องที่เพียงพอ นอกจากนี้ การที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐดำเนินการเพิ่มเติมหลังจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) นั้น จะยังเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงระบบการเงิน หากมีภาวะตึงเครียดด้านการเงินเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
"เฟดมีความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต และเฟดมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงมีบทบาทที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ" เฟดระบุ
ทั้งนี้ แม้รายงานของเฟดระบุถึงกระแสความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของธนาคาร SVB และ SB แต่เฟดยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า การล่มสลายของธนาคารระดับภูมิภาคทั้ง 2 แห่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารเป็นวงกว้าง โดยระบุว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับธนาคารทั้ง 2 แห่งถือเป็น "เหตุการณ์เฉพาะ" เมื่อพิจารณาจากการที่ธนาคารเหล่านี้พึ่งพาเงินฝากจำนวนมากที่ไม่มีการรับประกัน
รายงานของเฟดยังระบุด้วยว่า แม้จำนวนเงินฝากที่ไม่มีการรับประกันของธนาคารต่าง ๆ เริ่มปรับตัวลง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยสูงสุดในช่วงที่ประชาชนแห่ฝากเงินจำนวนมากเมื่อครั้งที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ภาพรวมของสถานะเงินทุนในภาคธนาคารยังคงแข็งแกร่ง
นอกเหนือจากภาคธนาคารแล้ว เฟดระบุว่าแรงกดดันในภาคส่วนอื่น ๆ ในตลาดยังคงอยู่ในระดับที่ปกติ โดยมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีแนวโน้มว่ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์อาจจะปรับฐานลงอย่างรุนแรงหากแนวโน้มการทำงานจากทางไกลยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันเฟดพบว่าธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ประมาณ 60% ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์