EIA ระบุผ่านรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (STEO) ว่า กำลังการผลิตน้ำมันดิบจะขยายตัวขึ้น 5.1% แตะที่ 12.53 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566 และขยายตัวขึ้น 1.3% สู่ระดับ 12.69 ล้านบาร์เรลในปี 2567
รายงานระบุว่า การบริโภคปิโตรเลียมทั้งหมดมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเกือบ 1% สู่ระดับ 20.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566 และ 1.4% สู่ระดับ 20.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567
ทั้งนี้ ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยนำพาตลาดน้ำมันโลกเข้าสู่ภาวะสมดุลระหว่างไตรมาส 3/2566 และไตรมาส 1/2567
ขณะเดียวกัน EIA ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ในรายงานล่าสุด โดย EIA คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 73.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2566 จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 85.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI คาดว่าจะอยู่ที่ 73.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2566 จากก่อนหน้านี้ที่เคยคาดไว้ที่ 79.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาค้าปลีกน้ำมันเบนซินในฤดูร้อนที่เป็นช่วงที่มีการขับขี่ยานพาหนะสูงสุดของปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 3.40 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในปีนี้ ลดลงมา 20% จากเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว