สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ว่า อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนเม.ย. แม้ว่ายอดการส่งออกและนำเข้าร่วงลง รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลัก เช่น น้ำมันปาล์ม ถ่านหิน และนิกเกิล ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกในเดือนเม.ย.ร่วงลง 29.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.929 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 18.55% และเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2552 ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนเม.ย.ร่วงลง 22.32% แตะที่ 1.535 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี
อย่างไรก็ดี อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 3.94 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.38 พันล้านดอลลาร์ และสูงกว่ายอดเกินดุลการค้าในเดือนมี.ค.ซึ่งอยู่ที่ 2.83 พันล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจอินโดนีเซียซึ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟื้นตัวจากโรคโควิด-19 เพราะได้รับแรงหนุนจากความคึกคักของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในขณะนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ