สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนร่วงลง 7.2% ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ย่ำแย่กว่าในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ที่ปรับตัวลง 6.2% ซึ่งอาจทำให้ตลาดการเงินมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ขณะที่ยอดการระดมเงินทุนโดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ลดลง 6.6% ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. หลังจากที่ลดลง 6.4% ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.
ส่วนราคาบ้านใหม่ของจีนในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แต่ก็ชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 0.4%
ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปิดเผยในวันนี้ สอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของจีนที่อ่อนแอลงเช่นกัน โดย NBS รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 5.6% ในเดือนเม.ย.
ขณะที่ยอดค้าปลีกซึ่งเป็นมาตรวัดการอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 12.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 18.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 13.6%
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรปรับตัวขึ้น 4% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4% และชะลอตัวลงจากช่วง 4 เดือนแรกที่มีการขยายตัว 4.7%
นอกจากนี้ NBS รายงานว่า อัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 20.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราว่างงานโดยรวมสำหรับคนทุกช่วงอายุอยู่ที่ระดับ 5.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของเดือนเม.ย.