สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (28 มิ.ย.) ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนร่วงลง 18.8% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากบริษัทในภาคส่วนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างอ่อนแอหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากร่วงลง 20.6% ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ส่วนในเดือนพ.ค.เพียงเดือนเดียวนั้น กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวลง 12.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่ร่วงลง 18.2% ในเดือนเม.ย. โดยตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมนั้น ได้จากการสำรวจบริษัทในภาคอุตสาหกรรมของจีนที่มีรายได้ต่อปีจากธุรกิจหลักอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (2.77 ล้านดอลลาร์)
การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของกำไรภาคอุตสาหกรรมจีนมีขึ้นหลังจากที่จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการที่อ่อนแอลงในเดือนพ.ค. ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก, ยอดส่งออก, การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งอัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.8%
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของจีนส่งผลให้เอสแอนด์พี โกลบอล, โกลด์แมน แซคส์ และสถาบันการเงินระดับโลกอีกหลายแห่ง พากันปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปีนี้
อย่างไรก็ดี นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเทียนจินในวันอังคาร (27 มิ.ย.) ว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวแข็งแกร่งกว่าในไตรมาส 1 และคาดว่าอาจจะขยายตัวตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ราว 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี