ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยเวสต์แพค-สถาบันเมลเบิร์นแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในออสเตรเลียดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเล็กน้อยและธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังคงกังวลในเรื่องการเงินอยู่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียขั้นต้นเดือนก.ค.จากเวสต์แพค-สถาบันเมลเบิร์นเพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 81.3 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตรามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ซึ่งก็เป็นเดือนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก
ผลสำรวจยังเผยให้เห็นว่าผู้บริโภคหลายคนรู้สึกมืดมนเกี่ยวกับการเงินของครอบครัว โดยระบุว่าการเงินของครอบครัวมีสภาพแย่ลง 4.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าค่าครองชีพสร้างแรงกดดันต่อภาคครัวเรือน
ทั้งนี้ ยังมีสัญญาณเชิงบวกที่บ่งบอกถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น โดยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นเชื่อว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะซื้อของใช้ในบ้านชิ้นใหญ่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ดัชนีวัดความตั้งใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัยก็พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนก.ค.
นายบิล อีแวนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเวสต์แพคกล่าวว่า "ประเด็นสำคัญคือความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับที่มองโลกในแง่ลบอย่างหนักในปัจจุบันจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงมากกว่านี้และอัตราดอกเบี้ยจะคงที่"
ในช่วงที่ทำการสำรวจดังกล่าว RBA ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.1% อย่างไรก็ตาม RBA เตือนว่าอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
ด้านข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนพ.ค.ชะลอตัวลงเหลือ 5.6% แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง