หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานโดยอ้างอิงตัวเลขภายในและแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) ว่า ผู้ใช้งานไบแนนซ์มีการซื้อขายสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีเป็นมูลค่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงเดือนเดียวในจีน ซึ่งการซื้อขายสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายนับตั้งแต่ปี 2564
WSJ ระบุว่า ตัวเลขการทำธุรกรรมดังกล่าวทำให้จีนกลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไบแนนซ์ โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของปริมาณการทำธุรกรรมทั่วโลก ซึ่งไม่รวมการซื้อขายที่ดำเนินการโดยกลุ่มย่อยของผู้ค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม WSJ ไม่ได้เปิดเผยว่า เดือนใดที่มีการทำธุรกรรมในปริมาณดังกล่าว
ทั้งนี้ รากฐานของบริษัทไบแนนซ์อยู่ในจีน แม้ว่าทางบริษัทได้ถอนกิจการออกจากแผ่นดินแม่เมื่อปี 2560 ระหว่างการปราบปรามทางเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ทางไบแนนซ์ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลข้างต้นแต่อย่างใด
โฆษกของไบแนนซ์กล่าวกับ WSJ ว่า "เว็บไซต์ Binance.com ถูกปิดกั้นการเข้าถึงในจีน และไม่สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานในจีนได้"
นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ เช่น คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC)
CFTC ได้ยื่นฟ้องร้องไบแนนซ์โดยระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ที่ผิดกฎหมาย และเป็นโปรแกรมที่หลอกลวง ขณะที่ SEC ยื่นฟ้องโดยกล่าวหาว่าไบแนนซ์และนายจ้าว ฉางเผิง ซีอีโอได้เพิ่มปริมาณการซื้อขายเกินจริง โอนย้ายเงินทุนของลูกค้า ไม่สามารถดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อสกัดกั้นลูกค้าชาวอเมริกันในการเข้าใช้แพลตฟอร์ม และทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเฝ้าติดตามตลาด
นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานอีกว่า แพลตฟอร์มของไบแนนซ์ยังถูกตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐในประเด็นเกี่ยวกับการฟอกเงินและการละเมิดการคว่ำบาตร