รายงานระบุว่า ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 1.51 ล้านล้านเยน หรือ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นการขยายตัวประมาณ 1 ล้านล้านเยนจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจเกินดุล 1.4 ล้านล้านเยน
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ดุลการค้าพลิกกลับมาเกินดุลที่ 3.28 แสนล้านเยนในเดือนมิ.ย. หลังการค้าเติบโตขึ้น 1.4 ล้านล้านเยนจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้มียอดเกินดุลโดยรวมติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
อย่างไรก็ตาม ยอดเกินดุลของรายได้ปฐมภูมิลดลงแตะ 1.68 ล้านล้านเยนในเดือนมิ.ย. ซึ่งลดลง 1.67 แสนล้านเยน เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในช่วงปีที่ผ่านมา ข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดตอกย้ำถึงปัญหาที่ราคาพลังงานแพงและเงินเยนอ่อนค่ามีผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงและวัตถุดิบอย่างมาก
ส่วนสถานะมหาอำนาจด้านการส่งออกของญี่ปุ่นก็อ่อนแอลงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่กลุ่มบริษัทญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ ทำให้การลงทุนในต่างประเทศกลายเป็นเสาหลักด้านรายได้ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน