ธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (22 ส.ค.) ว่า อินโดนีเซียขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกในรอบสองปีในไตรมาส 2/2566 ซึ่งคิดเป็น 0.5% ของ GDP เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงและเศรษฐกิจโลกเติบโตอ่อนแอลง
ทั้งนี้ อินโดนีเซียขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 2/2566 ที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 1/2566 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 0.9% ของ GDP
รายงานระบุว่า อินโดนีเซียขาดดุลบัญชีเดินสะพัดครั้งที่แล้วในไตรมาส 2/2564 การส่งออกของอินโดนีเซียคึกคักในปี 2564 - 2565 เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่สูงขึ้นจากการยกเลิกมาตรการจำกัดโรคโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
อย่างไรก็ตาม การส่งออกในปีนี้ชะลอตัวลง เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชั้นนำของอินโดนีเซีย เช่น ถ่านหินและน้ำมันปาล์ม ร่วงลง