สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (30 ส.ค.) บ่งชี้ว่า ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 15.2% ในเดือนก.ค. นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน หลังจากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
รายงานระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 60.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้แรงหนุนจากการให้เงินอุดหนุนในหลายประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU)
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Full EV) คิดเป็น 13.6% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับในเดือนก.ค. 2565 ที่อยู่ต่ำกว่า 10%
ยอดขายรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์สันดาปและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ คิดเป็น 7.9% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด ในขณะที่รถยนต์ทุก ๆ 4 คันที่ขายได้ใน EU นั้นเป็นรถยนต์ไฮบริดเต็มรูปแบบ (full hybrid) 1 คัน
ส่วนยอดขายของรถยนต์เบนซินและดีเซลนั้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด โดยรถยนต์ดีเซลซึ่งเคยมียอดขายมากกว่า 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในปี 2558 นั้น คิดเป็นสัดส่วนเพียง 14% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในเดือนก.ค.
ACEA เปิดเผยว่า ในเดือนก.ค. ยอดขายรถยนต์ของโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) เพิ่มขึ้น 17.9%, บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) เพิ่มขึ้น 22.5%, เรโนลต์ (Renault) เพิ่มขึ้น 16.9% แต่สเตลแลนทิส (Stellantis) มียอดขายลดลง 6.1% เนื่องจากมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการส่งมอบรถยนต์ในยุโรป