ข้อมูลจากทางการตุรกีที่เผยแพร่ในวันนี้ (3 ต.ค.) ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของตุรกี เพิ่มขึ้นแตะ 61.53% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 61.7% และนับเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยมีสาเหตุจากการปรับขึ้นภาษีเมื่อเร็ว ๆ นี้ และสกุลเงินลีราตุรกีที่อ่อนค่าลง
เมื่อเทียบรายเดือน อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของตุรกีเพิ่มขึ้น 4.75% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของตุรกีพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 85% ในปีที่แล้ว หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งนำไปสู่การลดค่าสกุลเงินลีราลงอย่างมากในช่วงปลายปี 2564
หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจชุดใหม่ที่นำนโยบายเข้มงวดทางการเงินมาใช้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ค่าเงินลีราอ่อนค่าลง 26% นับตั้งแต่การเลือกตั้ง และมีมูลค่า 27.5005 ลีราต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ ด้านนักเศรษฐศาสตร์และรัฐบาลคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงถึงประมาณ 70% ภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 75% ในเดือนพ.ค.ของปีหน้า ก่อนที่จะเริ่มลดลง
ธนาคารกลางตุรกีได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 30% ในเดือนก.ย. ซึ่งนับเป็นการคุมเข้มทางการเงินเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน โดยธนาคารกลางได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วทั้งสิ้น 21.50 จุดเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
หลังจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้ เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้ง ได้ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของตุรกีจาก "ลบ" (negative) เป็น "มีเสถียรภาพ" (stable) ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุถึงการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน
ด้านนางฮาฟิเซ กาเย เออร์คาน ผู้ว่าการธนาคารกลางตุรกีคนใหม่มีกำหนดแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้
อนึ่ง ข้อมูลของสถาบันสถิติตุรกีระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในประเทศเพิ่มขึ้น 47.44% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี และ 3.40% เมื่อเทียบรายเดือน