สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยในวันนี้ (31 ต.ค.) ว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกไม่รวมการซื้อขายนอกตลาด (OTC) ปรับตัวลดลง 6% ในไตรมาส 3/2566 เนื่องจากแรงซื้อของธนาคารกลางน้อยลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของเมื่อปีที่แล้ว และผู้ผลิตอัญมณีใช้ทองคำลดลง
รายงานของ WGC ระบุว่า แม้ความต้องการทองคำในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,147.5 ตัน แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ 8% และแรงซื้อทองของภาครัฐตลอดทั้งปีคาดว่าจะแตะระดับเดียวกับเมื่อปี 2565
ทั้งนี้ ความต้องการทองคำพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีในปี 2565 เนื่องจากมีแรงซื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากธนาคารกลาง
ด้านนายหลุยส์ สตรีท นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสระบุว่า "ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้นและความคาดหวังที่มีต่อการซื้อทองคำที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง ความต้องการทองคำอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ"
ราคาทองสปอตแตะระดับ 2,009.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) โดยทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค. เนื่องจากนักลงทุนทุ่มซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง
WGC กล่าวว่า ความต้องการทองคำของนักลงทุนซึ่งมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนั้น เพิ่มขึ้น 56% ในไตรมาส 3 แต่ยังคงอ่อนแอเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ความต้องการทองคำของธนาคารกลางรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 337.1 ตัน ลดลงมาจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 458.8 ตันเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 แรงซื้อทองคำของภาครัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 800 ตัน ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของทุกปีที่ผ่านมาตามข้อมูลของ WGC นับตั้งแต่ปี 2543