กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (1 พ.ย.) ว่า ยอดส่งออกเดือนต.ค.ของเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมชิป
ส่วนยอดนำเข้าในเดือนต.ค.ลดลง 9.7% แตะที่ระดับ 5.34 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้าในเดือนต.ค.ที่ระดับ 1.64 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
เมื่อแยกเป็นรายภาคส่วนพบว่า ยอดส่งออกรถยนต์เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคส่วนอื่น ๆ และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 16 เดือน
ขณะที่ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของเกาหลีใต้นั้น ลดลง 3.1% แต่เป็นการปรับตัวลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัว
เมื่อพิจารณาจากประเทศปลายทางพบว่า ยอดส่งออกไปยังสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ในปีอื่น ๆ ขณะที่ยอดส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของเกาหลีใต้ ลดลง 9.5% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
นายบัง มูน-คยู รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมเกาหลีใต้กล่าวว่า "ยอดส่งออกมีการขยายตัว และเกาหลีใต้ยังคงรักษาการเกินดุลการค้าไว้ได้ แม้เผชิญกับปัจจัยลบภายนอก ซึ่งรวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น, สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ, ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง เราจะยังคงพยายามผลักดันให้การส่งออกเติบโตขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้"