สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (27 พ.ย.) ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.และส.ค.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 11.9% และ 17.2% ตามลำดับ บ่งชี้ว่าจีนยังคงเผชิญแรงดันด้านเงินฝืด และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางไปจนถึงสิ้นปี 2566
ส่วนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีน ลดลง 7.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าในช่วง 9 เดือนแรกที่ลดลง 9%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กำไรของบริษัทเอกชนในจีนกำลังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และวงจรการลดสต็อกสินค้าก็มีแนวโน้มใกล้สิ้นสุดลงเช่นกัน แต่ยังคงมีหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจจีนที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม
กิจกรรมการผลิตที่หดตัวลงเมื่อเดือนที่แล้ว และการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ลดลง 2.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าในเดือนก.ย.ที่ลดลง 2.5% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของจีนนั้น ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 3.1% และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ ลดลง 9.3% ซึ่งย่ำแย่กว่าในช่วง 9 เดือนแรกที่ปรับตัวลง 9.1%