สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (3 ม.ค.) ว่า การเติบโตของภาคการผลิตของอินเดียชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 18 เดือนในเดือนธ.ค. 2566 เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่และผลผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยลง
HSBC เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของอินเดียที่รวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล อยู่ที่ระดับ 54.9 ในเดือนธ.ค. ลดลงจากระดับ 56.0 ในเดือนพ.ย. แต่ยังคงอยู่เหนือกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของอินเดียอยู่ในภาวะขยายตัว และขยายตัวมาแล้วเป็นเดือนที่ 30 ติดต่อกัน
แม้มีการชะลอตัว แต่ผู้ผลิตก็ยังคงมีมุมมองเชิงบวกในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าความสัมพันธ์กับลูกค้าดีขึ้นและมีการสอบถามถึงออร์เดอร์ใหม่
อย่างไรก็ตาม ดีมานด์ลดลงในเดือนธ.ค. โดยดัชนีย่อยที่เกี่ยวกับคำสั่งซื้อใหม่อยู่ที่ 57.3 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 และผลผลิตขยายตัวในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
นอกจากนี้ การส่งออกก็ยังเติบโตชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนอีกด้วย ส่งผลให้การจ้างงานชะลอลงมากที่สุดในรอบ 9 เดือน
ต้นทุนวัตถุดิบและราคาสินค้ายังคงค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. อย่างไรก็ดี ราคาผลผลิต (สินค้าสำเร็จรูป) เพิ่มสูงกว่าต้นทุนวัตถุดิบเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่า โรงงานยังคงผลักภาระต้นทุนให้กับลูกค้า
ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะไม่หันมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินจนกว่าจะสิ้นไตรมาสที่ 2 (ก.ค.-ก.ย.) ของอินเดียในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะบรรลุเป้าหมายระยะกลางของ RBI ที่ 4.00% ภายในช่วงเวลาดังกล่าว