สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (4 ม.ค.) ว่า กิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนยังคงหดตัวต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2566 เนื่องจากภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของยูโรโซน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคบริการและการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ที่รวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล ซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทรงตัวที่ระดับ 47.6 ในเดือนธ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย. แต่ดีกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 47.0
อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมธุรกิจอยู่ในภาวะหดตัว และ PMI รวมภาคบริการและการผลิตของยูโรโซนหดตัวมาแล้วเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนซึ่งหดตัว 0.1% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 มีแนวโน้มที่จะหดตัวอีกในไตรมาสที่ 4 ซึ่งในทางเทคนิคจะถือว่าเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการในเดือนธ.ค.แตะระดับ 48.8 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขยับขึ้นจากระดับ 48.7 ในเดือนพ.ย.
แม้ว่าดีมานด์ในภาคบริการจะชะลอลงเล็กน้อยในเดือนธ.ค. โดยดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวสู่จุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนแตะระดับ 47.1 ขยับขึ้นจาก 46.7 แต่ตัวเลขก็ยังคงต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
ข้อมูลเหล่านี้มีทิศทางสอดคล้องกับดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (2 ม.ค.) ซึ่งระบุว่ากิจกรรมการผลิตในยูโรโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกันในเดือนธ.ค.
แม้จะมีสัญญาณว่าดีมานด์ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ราคาสินค้าและบริการโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2566 ซึ่งส่งสัญญาณว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในระยะใกล้
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นโดยรวมต่อทิศทางเศรษฐกิจในปี 2567 กลับดีขึ้น โดยดัชนีคาดการณ์ผลผลิตของดัชนี PMI รวมปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 7 เดือน แตะระดับ 57.6 จาก 56.0