ทั้งนี้ HPE ระบุในแถลงการณ์ว่า HPE คาดว่าจะปิดดีลได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือในช่วงต้นปี 2568 โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นในเวลาเพียงหนึ่งวันหลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัททั้ง 2 แห่งอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจา
การเข้าซื้อกิจการจะทำให้เครือข่ายธุรกิจที่มีอยู่เดิมของ HPE เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยนายรามิ ราฮิม ซีอีโอของจูนิเปอร์จะเป็นผู้บริหารธุรกิจต่อไปหลังการควบรวมกิจการและรายงานแก่นายอันโตนิโอ เนรี ซีอีโอของ HPE หากการเข้าซื้อกิจการสำเร็จลุล่วง
ทั้งนี้ บริษัท HPE รุกตลาดด้านเครือข่ายในเชิงลึกมากขึ้นหลังเข้าซื้อกิจการของอารูบา เน็ตเวิร์คส์ (Aruba Networks) เมื่อปี 2558 ส่งผลให้บริษัทแยกตัวออกเป็น 2 แห่ง ได้แก่ HPE ซึ่งมุ่งเน้นการขายเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับศูนย์ข้อมูล และเอชพี อิงค์ (HP Inc.) ซึ่งผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และเครื่องพิมพ์
HPE ระบุว่า การซื้อกิจการจูนิเปอร์จะช่วยกระตุ้นอัตราผลกำไรและเร่งการเติบโตได้มากยิ่งขึ้น
จูนิเปอร์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ใช้เวลาหลายปีในการไล่ตามคู่แข่งอย่างซิสโก (Cisco) ในตลาดอุปกรณ์เครือข่าย โดยรายได้ของบริษัทปรับตัวขึ้น 12% เมื่อเทียบรายปีในปี 2565 ซึ่งเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 ขณะที่ ในไตรมาสล่าสุด จูนิเปอร์มีกำไร 76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้รายรับลดลง 1% แตะที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อน