สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ของจีนเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.7%
ขณะที่ยอดการนำเข้าในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.3%
ส่วนยอดส่งออกตลอดปี 2566 ของจีนลดลง 4.6% และยอดนำเข้าตลอดปี 2566 ลดลง 5.5%
ทั้งนี้ อุปสงค์สินค้าจีนในตลาดโลกชะลอตัวลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ การค้าระหว่างจีนและประเทศคู่ค้ารายใหญ่ได้ปรับตัวลดลงในปี 2566 ด้วย
การเปิดเผยข้อมูลการค้าของจีนมีขึ้นในวันเดียวกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ลดลง 2.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15
การปรับตัวลงของดัชนี CPI และ PPI สะท้อนให้เห็นว่าจีนยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ แม้ว่ารัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้งแล้วก็ตาม
ทางการจีนมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในสัปดาห์หน้า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจตลอดปี 2566 ของจีน ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP จีนจะยังคงออกมาสอดคล้องกับเป้าหมายรายปีที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ระดับ 5%