PSA ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อข้าวแตะที่ระดับ 22.6% เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.8% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 3.9% ในเดือนธ.ค. และ 8.7% เมื่อปีก่อนหน้า
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ในเดือนม.ค.อยู่ที่ 3.8% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 4.4% ในเดือนธ.ค.
PSA ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อข้าวปรับตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก โดยการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้า (Base Effect) เป็นตัวผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้น พร้อมชี้ให้เห็นว่า ราคาข้าว "ค่อนข้างต่ำ" ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566
หนังสือพิมพ์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ตั้งใจที่จะยับยั้งการปรับตัวขึ้นของราคาข้าวโดยการกำหนดเพดานราคาข้าวในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ก่อนจะยกเลิกมาตรการดังกล่าวอย่างรวดเร็วเนื่องจากราคาข้าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางโดมินิ เวลาเกซ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า แบงกิง คอร์ป (China Banking Corp) ในฟิลิปปินส์กล่าวกับนิกเกอิ เอเชียว่า ราคาข้าวมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
"อัตราเงินเฟ้อข้าวยังคงอยู่ในระดับตัวเลขสองหลักตั้งแต่เดือนก.ย. และยังไม่มีทีท่าจะบรรเทาลงเนื่องจากราคาข้าวโลกยังคงสูง โดยคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและการระงับการส่งออกข้างของอินเดีย ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวทั่วโลกเพิ่มขึ้น" นางเวลาเกซกล่าว