สถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (13 ก.พ.) ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวออสเตรเลียดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือนในเดือนก.พ. เนื่องจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อทำให้ผู้บริโภคคาดหวังว่า อัตราดอกเบี้ยได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความตั้งใจที่จะใช้จ่ายกันมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียเดือนก.พ.จากสถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์น เพิ่มขึ้น 6.2% สู่ระดับ 86.0 โดยพลิกจากเดือนม.ค.ที่ความเชื่อมั่นลดลง 1.3%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 100 บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก
ผลสำรวจดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองในออสเตรเลีย โดยความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเสรีนิยมแห่งชาติ (Liberal National) จากฝ่ายค้านร่วงลงไปอยู่ที่ 77.6 สวนทางกับฝั่งหนุนพรรคแรงงาน (Labor Party) จากฝ่ายรัฐบาลที่ความเชื่อมั่นพุ่งไปถึง 103.8
นายแมทธิว ฮัสซัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากเวสต์แพคกล่าวว่า "ถึงความเชื่อมั่นโดยรวมจะยังคงเป็นแง่ลบ แต่ในที่สุดก็ดูเหมือนจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับผู้บริโภคชาวออสเตรเลียแล้ว เงินเฟ้อที่ลดลงประกอบกับความคาดหมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไปดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ความเชื่อมั่นปรับตัวขึ้น"
ผลสำรวจยังพบว่า สัดส่วนผู้บริโภคที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้านั้นลดลงมาอยู่ที่ 42% ในเดือนก.พ. จากเดิมที่ 52% ในเดือนม.ค. และ 61% ในเดือนธ.ค.
ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีที่ชี้วัดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะซื้อของชิ้นใหญ่เข้าบ้านหรือไม่นั้น ปรับตัวขึ้น โดยดัชนีไต่ระดับขึ้นแตะ 11.3% ในเดือนก.พ.
ด้านตัวชี้วัดการเงินของครอบครัวปรับตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนแนวโน้มทางการเงินในอีก 12 เดือนข้างหน้าก็เพิ่มขึ้น 2.4% เช่นกัน
สำหรับมุมมองของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจในปีหน้าพุ่งขึ้นถึง 8.8% ส่วนมุมมองในอีก 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 4.4%
ชาวออสเตรเลียยังคงมองบวกเกี่ยวกับราคาบ้าน โดยดัชนีในด้านนี้ปรับตัวขึ้น 2.1% สู่ระดับสูงสุดใหม่ในรอบวัฏจักรที่ 161.4