กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (12 ก.พ.) ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนม.ค. สู่ระดับ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากรายรับที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. โดยส่วนหนึ่งมาจากการจ่ายคืนภาษีที่ลดลง หลังกรมสรรพากรสหรัฐ (IRS) จัดการกับรายการค้างชำระของการคืนภาษีที่ล่าช้าเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว
ยอดขาดดุลเมื่อเดือนที่แล้วอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือต่ำกว่าระดับ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ของเมื่อเดือนม.ค. ปี 2566 อยู่ 43% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในเดือนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 4.99 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่รายรับพุ่งขึ้น 7% สู่ระดับ 4.77 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การเปรียบเทียบระหว่างเดือนม.ค.ปีนี้และปีที่แล้วยังมีปัจจัยหนุนที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญอย่างมากอย่างการจ่ายเงินกองทุนบำนาญสหภาพแรงงานรถบรรทุก (Teamsters union pension fund) มูลค่า 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. 2566 เนื่องจากในปีนี้ไม่มีการใช้จ่ายเงินก้อนครั้งใหญ่ภายในคราวเดียวในลักษณะดังกล่าว
เมื่อพิจารณาในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 16% สู่ระดับ 5.32 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ของประเทศเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในโครงการด้านความปลอดภัยทางสังคม การรักษาพยาบาล และการทหาร
กระทรวงการคลังระบุว่า ทั้งรายรับและรายจ่ายแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยรายรับปรับตัวขึ้น 1.12 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 8% สู่ระดับ 1.585 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายจ่ายปรับตัวขึ้น 1.84 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 10% สู่ระดับ 2.117 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังระบุอีกว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการทางทหารมีการปรับตัวขึ้น อันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงานของบุคลากรและการบำรุงรักษาทางทหารที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 รายจ่ายในด้านดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 13% สู่ระดับ 2.83 แสนล้านดอลลาร์