กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (15 ก.พ.) ว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะโต 2.8% เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตหดตัว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไตรมาส 3/66 ที่มีการเติบโตรายปีเพียง 1%
เมื่อเทียบรายไตรมาสแบบปรับค่าตามฤดูกาลแล้ว GDP สิงคโปร์ขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 4/66 ดีกว่าระดับ 1.0% ในไตรมาส 3/66
เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งปี 2566 แล้ว GDP สิงคโปร์เติบโตที่ 1.1% ลดลงมาจากที่รัฐบาลประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.2% และชะลอตัวลงจากระดับ 3.8% ในปี 2565
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปัจจัยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของปีที่แล้วส่วนใหญ่มาจาก "อุตสาหกรรมบริการอื่น ๆ" ซึ่งขยายตัว 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ ภาคสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการขนส่งและการจัดเก็บสินค้า ก็เป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตเช่นกัน
ส่วนภาคการผลิตซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจสิงคโปร์ หดตัว 4.3% ตรงกันข้ามกับเมื่อปี 2565 ที่เติบโต 2.7% ส่วนภาคการก่อสร้างของสิงคโปร์ขยายตัว 5.2% สูงกว่าระดับ 4.6% ในปี 2565
ภาคสารสนเทศและการสื่อสารมีการเติบโตอยู่ที่ 4.7% ในไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจาก 6% ในไตรมาส 3/66 ขณะที่ภาคการเงินและการประกันเติบโต 5.4% ในไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าไตรมาสก่อนที่โตเพียง 2.5%
สำหรับปี 2567 ทางกระทรวงฯ คาดการณ์ว่า GDP จะโต 1%-3% โดยคาดว่าภาคการผลิตและการค้าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวตามความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก นอกจากนี้ ดีมานด์การท่องเที่ยวและการเดินทางด้วยเครื่องบินที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและการบินของสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงฯ ระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญแรงต้าน ทั้งเรื่องสงครามในยูเครนและฉนวนกาซา รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังการคุมเข้มทางการเงิน