ธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (16 ก.พ.) ว่า ดัชนียอดขายจริง (RSI) ซึ่งเป็นมาตรวัดยอดค้าปลีก โตขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. 2566 เมื่อเทียบรายปี มาอยู่ที่ระดับ 218.1 โดยมีปัจจัยมาจากน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องใช้ในบ้านอื่น ๆ ตลอดจนอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบที่มียอดขายเพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค. โตขึ้น 4.9% เนื่องจากมีดีมานด์เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ประกอบกับร้านค้าปลีกต่าง ๆ พากันออกโปรโมชั่นลดราคา ทั้งนี้ สินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกกลุ่มมียอดขายสูงขึ้น โดยเฉพาะเสื้อผ้า สินค้าทางวัฒนธรรมและสันทนาการ รวมถึงอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ
ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสำรวจการค้าปลีกล่าสุดที่จัดทำโดยธนาคารกลางอินโดนีเซีย คาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. 2567 โดยสะท้อนจากดัชนี RSI ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบรายปี มาอยู่ที่ระดับ 216.0 สินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกกลุ่มคาดว่าจะมียอดขายสูงขึ้น โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้านอื่น ๆ ตลอดจนอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ
อย่างไรก็ตาม หากเทียบเป็นรายเดือน ผู้ค้าปลีกคาดการณ์ว่ายอดขายจะหดตัว 1.0% ในเดือนม.ค. เนื่องจากหมดช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ดีมานด์จึงลดลงกลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับปัจจัยทางสภาพอากาศ ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าหลัก ๆ ที่คาดว่ายอดขายจะหดตัวได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง ตามด้วยเสื้อผ้า สินค้าทางวัฒนธรรมและสันทนาการ รวมถึงอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ
ในด้านราคาสินค้า ผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าดัชนีความคาดหวังด้านราคา (PEI) ในเดือนมี.ค. 2567 จะแตะระดับ 137.2 เพิ่มขึ้นจาก 129.3 ในเดือนก.พ. เนื่องจากเป็นช่วงถือศีลอดในเดือนรอมฎอนที่ราคาสินค้ามักจะสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าดัชนี PEI ในเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ 125.8 ลดลงจาก 132.4 ของเดือนพ.ค. เนื่องจากการจัดจำหน่ายมีความราบรื่นและซัพพลายไม่ขาดตลาด ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวลง