กระทรวงสถิติอินเดียเปิดเผยข้อมูลเมื่อวานนี้ (29 ก.พ.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดียในไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.-ธ.ค. 2566) เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนภาคเอกชนที่แข็งแกร่งและการใช้จ่ายด้านบริการที่ปรับตัวดีขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลขดังกล่าวมากกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ และถือเป็นข่าวดีสำหรับรัฐบาล เพราะอินเดียใกล้จะเปิดหีบเลือกตั้งในอีกไม่กี่เดือนนี้
นอกจากนี้ ทางการอินเดียยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2567 ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. 2567 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 7.3% เพิ่มขึ้นเป็น 7.6% ซึ่งจะทำให้อินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
นายราหุล พาโชริยา นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารบาร์เคลย์ กล่าวว่า "ข้อมูลการเติบโตล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อินเดียมีเศรษฐกิจที่เติบโต 8% และกำลังเร่งตัวขึ้น ซึ่งทำให้อินเดียแตกต่างจากที่อื่น ๆ ในโลก ... โดยตัวเลขการลงทุน บ่งชี้ถึงแนวโน้มจ่ายประเภททุน (Capex) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเพิ่มภาษีอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ GDP อินเดียเพิ่มขึ้นเหนือคาดการณ์ โดยตัวเลขมูลค่าเพิ่มรวม (GVA) ซึ่งหักภาษีและเงินอุดหนุนออกจากตัวเลข GDP ขยายตัว 6.5% ในไตรมาส 4 ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้านั้นที่ขยายตัว 7.7%
นายวี. อนันตะ นาเคศวรัน หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจอินเดีย เปิดเผยว่า อุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งและการลงทุนภาคเอกชนจะยังคงผลักดันการเติบโตต่อไป โดยเศรษฐกิจอินเดียกำลังดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง