ผลสำรวจจากเอสแอนด์พี โกลบอล ที่เปิดเผยในวันนี้ (1 มี.ค.) ระบุว่า ภาคการผลิตของฝรั่งเศสหดตัวน้อยลงในเดือนก.พ. 2567 และผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ มองแนวโน้มธุรกิจในแง่ดีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว
นายนอร์แมน ลิบกี นักเศรษฐศาสตร์จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) กล่าวว่า "ภาคการผลิตของฝรั่งเศสเริ่มฟื้นตัวในอัตราที่เร็วขึ้น" พร้อมกล่าวเสริมว่า สินค้าอุปโภคบริโภคคือปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการฟื้นตัวครั้งนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของฝรั่งเศสจาก HCOB ที่รวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล อยู่ที่ 47.1 ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจาก 43.1 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 46.8
ตัวเลขดัชนี PMI ดังกล่าวแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2566
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ดัชนีย่อยสำหรับคำสั่งซื้อใหม่ในเดือนก.พ.พุ่งขึ้นเป็น 46.7 จาก 38.9 ในเดือนก่อนหน้า ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน
"เราเชื่อว่าดีมานด์ภายในประเทศจะฟื้นตัวในปีนี้ นำไปสู่การฟื้นตัวในภาคการผลิตของฝรั่งเศส" นายลิบกีกล่าว พร้อมระบุเสริมว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามในฉนวนกาซาและเหตุโจมตีการขนส่งระหว่างประเทศในทะเลแดงนั้น มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่ออุตสาหกรรมของฝรั่งเศสในเดือนก.พ.
"เหตุโจมตีในทะเลแดงดูจะไม่ได้อันตรายมากนักในแง่ของผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน แม้บริษัทต่าง ๆ จะรายงานว่าใช้เวลาในการขนส่งนานขึ้น แต่ความล่าช้านี้เทียบไม่ได้เลยกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในปี 2564" นายลิบกีกล่าว