กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (7 มี.ค.) ว่า ค่าจ้างที่แท้จริงของแรงงานญี่ปุ่นลดลงในเดือนม.ค. เป็นเดือนที่ 22 ติดต่อกัน แต่ลดลงในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี เนื่องจากแรงกดดันด้านราคาลดลง
แนวโน้มค่าจ้างของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จับตามองเพื่อประเมินแนวโน้มค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ แสดงความหวังว่า แม้ว่าค่าจ้างที่แท้จริงจะยังไม่เป็นบวกในทันที แต่การเจรจาต่อรองเรื่องค่าจ้างระหว่างแรงงานและผู้บริหารธุรกิจในปีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีซึ่งจะกระตุ้นการบริโภค
ข้อมูลของกระทรวงฯ ระบุว่า ค่าจ้างที่แท้จริงที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งเป็นมาตรวัดกำลังซื้อของผู้บริโภค ลดลง 0.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากปรับตัวลดลง 2.1% ในเดือนธ.ค. 2566 แต่เป็นอัตราการลดลงที่ชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565
อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคที่รัฐบาลใช้ในการคำนวณค่าจ้างที่แท้จริงซึ่งรวมถึงราคาอาหารสด แต่ไม่รวมค่าเช่าหรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยนั้น เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 โดยเพิ่มขึ้น 2.5% เนื่องจากราคานำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
ค่าจ้างที่ยังไม่ได้ปรับตามเงินเฟ้อ (nominal pay) เพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ไม่สามารถเพิ่มขึ้นตามทันเงินเฟ้อได้ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2566 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค. 2566
เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กล่าวว่า ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการจ่ายเงินพิเศษเพิ่มขึ้น 16.2% เช่น โบนัสฤดูหนาว
ส่วนเงินเดือนพื้นฐานในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเท่ากับตัวเลขที่มีการปรับแก้ไขของเดือนธ.ค. ส่วนค่าล่วงเวลาซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของกิจกรรมทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังลดลง 1.2% ในเดือนธ.ค.