เงินเฟ้อในกรุงโตเกียวเติบโตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. ซึ่งสนับสนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ดำเนินนโยบายการเงินแบบระมัดระวังหลังจากประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 เมื่อวันอังคารที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา
กระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นระบุในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดในกรุงโตเกียวปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งชะลอลงเล็กน้อยจาก 2.5% ในเดือนก.พ. แต่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ตัวเลขเงินเฟ้อของกรุงโตเกียวนั้นถือเป็นเครื่องบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วประเทศของญี่ปุ่นที่มีกำหนดจะประกาศต่อสาธารณชนในวันที่ 19 เม.ย.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อด้านผู้บริโภคของกรุงโตเกียวมีขึ้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจาก BOJ ยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ พร้อมให้คำมั่นว่าจะระงับการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม แม้เงินเฟ้อของกรุงโตเกียวชะลอตัวลง แต่ตลาดยังมีแนวโน้มจะจับตาความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมของ BOJ โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งภายในเดือนต.ค.
ส่วนดัชนี Core-Core CPI ของกรุงโตเกียว ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดและราคาพลังงาน ชะลอตัวสู่ 2.9% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ BOJ จะจัดการประชุมครั้งถัดไปในเดือนเม.ย. โดยจะประกาศการปรับแนวโน้มเงินเฟ้อในการประชุมดังกล่าว
รายงานสรุปความคิดเห็นของที่ประชุม BOJ ในเดือนมี.ค.บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายหลายคนของ BOJ ต้องการชะลอการยกเลิกการใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายรายหนึ่งระบุว่า สภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว
"แม้ว่า BOJ ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ แต่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายแบบระมัดระวัง เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่อยู่ในภาวะที่จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว" เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายรายหนึ่งของ BOJ ระบุ