การทำธุรกรรมบ้านใหม่ของฮ่องกงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีในเดือนมี.ค. นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา หลังรัฐบาลยกเลิกมาตรการควบคุมภาคอสังหาฯ โดยหนังสือพิมพ์ฮ่องกง อีโคโนมิก เจอร์นัล รายงานว่า มีการขายเกิดขึ้นราว 4,170 ครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเมื่อเดือนก่อนหน้าถึง 14 เท่าตัว
ยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการที่ทางการฮ่องกงได้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีอากรแสตมป์เพิ่มเติมทั้งหมดเมื่อช่วงปลายเดือนก.พ. เช่น การจัดเก็บภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยแห่งที่สอง รวมถึงภาษีอากรแสตมป์สำหรับการขายแฟลตภายในเวลา 2 ปีหลังการซื้อ ด้านชาวต่างชาติที่เคยต้องจ่ายภาษีสูงถึง 30% ก็ลดลงเหลือ 15% นับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และปัจจุบันต้องจ่ายเพียง 4.25% ซึ่งเท่ากับชาวฮ่องกง
รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจยกเลิกภาษีอากรแสตมป์หลังราคาที่อยู่อาศัยฮ่องกงร่วงลงกว่า 20% จากระดับสูงสุดเมื่อปี 2564 เนื่องจากถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านที่แพงขึ้น คนเก่งย้ายออกจากฮ่องกงมากขึ้น และแนวโน้มตลาดที่อ่อนแอ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยบรรดานักพัฒนากำลังคาดหวังว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจะช่วยระบายอุปทานส่วนเกินที่คอยฉุดรั้งการปรับตัวขึ้นของราคา
นายแซมมี โป ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายที่อยู่อาศัยของบริษัทมิดแลนด์ เรียลตี ของฮ่องกง กล่าวว่า "เราคิดว่า ความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งในการซื้อขายบ้านใหม่จะยังคงดำเนินไปจนถึงเดือนเมษายน ... แม้ผู้ซื้อที่ไม่ใช่ชาวฮ่องกงจะขอลดราคาก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังแสดงความสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระดับที่สูงกว่า"
ส่วนหนึ่งของการปรับตัวขึ้นในครั้งนี้อาจมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ หลายโครงการด้วย ซึ่งรวมถึง ซีซีนส์ เพลส (Seasons Place) ของวีลล็อก พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Wheelock Properties Ltd.) และเบลกราเวีย เพลส (Belgravia Place) ของเฮนเดอร์สัน แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ โค (Henderson Land Development Co.) โดยทั้งสองโครงการสามารถทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง