สมาพันธ์สหภาพการค้าของญี่ปุ่น หรือเรนโก (Rengo) เปิดเผยในวันนี้ (4 เม.ย.) ว่า บริษัทกลุ่มหนึ่งในญี่ปุ่นเห็นพ้องกันที่จะปรับขึ้นค่าจ้าง 5.24% ในปีนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การประกาศครั้งที่ 3 เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการเจรจาค่าจ้างประจำปีนั้น น้อยกว่าผลการสำรวจในครั้งที่ 2 ที่ 5.25% และผลสำรวจในครั้งแรกที่ 5.28% เมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่าจ้างดังกล่าวนับว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งเพิ่มขึ้นที่ 5.66%
ผลการเจรจาการค่าจ้างที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดนี้จะมีการประกาศเป็นระยะ ๆ โดยเริ่มจากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ในช่วงกลางเดือนมี.ค.
การปรับขึ้นค่าจ้างมีแนวโน้มจะหดตัวลงจากการเจรจาในเบื้องต้น เนื่องจากมีบริษัทขนาดเล็กจำนวนมากขึ้นมาเข้าร่วมสรุปการเจรจาในไตรมาสเดือนเม.ย.-มิ.ย.
ผลการสำรวจครั้งถัดไปมีกำหนดการเผยแพร่ออกมาในวันที่ 18 เม.ย.
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำของญี่ปุ่น คาดหวังให้ขึ้นค่าจ้างเพื่อนำพาญี่ปุ่นออกจากภาวะเงินฝืดที่ยาวนานกว่า 20 ปี ในขณะที่นายคาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เน้นย้ำว่า การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างอย่างยั่งยืนและเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่