ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) พบว่า สภาวะทางธุรกิจในออสเตรเลียมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเดือนมี.ค. 2567 โดยยอดขายและการจ้างงานยังคงทรงตัวแม้ดอกเบี้ยจะสูงมากในรอบทศวรรษ ขณะที่แรงกดดันด้านราคาผ่อนคลายลงบ้างจากระดับสูง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลสำรวจดังกล่าวในวันนี้ (9 เม.ย.) โดยระบุว่า ดัชนีชี้วัดสภาวะทางธุรกิจปรับตัวลง 1 จุด สู่ระดับ +9 ในเดือนมี.ค. โดยยังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจออสเตรเลียซึ่งมีความผันผวน เพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ +1 ในเดือนมี.ค.
ตัวชี้วัดยอดขายของภาคธุรกิจยังคงอยู่ที่ระดับเดิมที่ +14 ขณะที่การจ้างงานก็คงระดับเดิมที่ +6 ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ความสามารถในการทำกำไรลดลง 4 จุด สู่ระดับ +6
การใช้กำลังการผลิตลดลงสู่ระดับ 83.2% จากเดิมที่ 83.4% ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์และอุปทานกำลังเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น แม้ว่าปรับตัวนี้จะยังคงเป็นไปอย่างช้า ๆ ก็ตาม
"โดยพื้นฐานแล้ว ผลสำรวจนี้บ่งบอกว่า บริษัทต่าง ๆ ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต แม้ว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง" นายอลัน ออสเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAB กล่าว พร้อมเสริมว่า มีสัญญาณบวกอยู่บ้างในภาคค้าปลีกและก่อสร้างในเดือนมี.ค.
การเติบโตของราคาขายปลีกรายไตรมาสชะลอตัวลงเหลือ 1.3% ซึ่งถือว่ายังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากที่พุ่งขึ้นไปถึง 1.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ ขณะเดียวกัน การเติบโตของต้นทุนการสั่งซื้อลดลงจาก 1.8% เป็น 1.4%
"ผลการสำรวจสอดคล้องกับความคาดหมายของเราที่ว่า ความคืบหน้าในการนำอัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายนั้นจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าแนวโน้มนี้จะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลข CPI ในไตรมาส 1 ที่จะประกาศในเดือนเม.ย.นี้" นายออสเตอร์กล่าว
อนึ่ง ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.35% เมื่อเดือนมี.ค. และผ่อนคลายท่าทีลงด้วยการละทิ้งแนวโน้มที่จะคุมเข้มนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม RBA ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไรต่อไป
ตลาดมองว่าอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียไม่น่าจะปรับตัวขึ้นอีกแล้ว แต่ก็คาดว่า จะยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงราว ๆ เดือนพ.ย.ปีนี้