สำนักงานสถิติแห่งชาติของแคนาดาเปิดเผยในวันนี้ (16 เม.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเป็น 2.9% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ตัวชี้วัดเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทำให้ตลาดคาดหวังมากขึ้นว่า ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงกลางปีนี้
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7%
รายงานระบุว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาเชื้อเพลิงที่ปั๊มน้ำมัน โดยมีสาเหตุจากความกังวลด้านอุปทานและการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจของประเทศผู้ผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมราคาน้ำมันเบนซิน อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเหลือ 2.8% ในเดือนมี.ค. จาก 2.9% ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ BoC มีเป้าหมายที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับ 2% โดย BoC คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี อย่างไรก็ตาม BoC ระบุว่าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.นี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี CPI-median และ CPI-trim ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) ที่ BoC ให้ความสำคัญ ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย CPI-median ชะลอตัวลงเหลือ 2.8% ในเดือนมี.ค. จาก 3% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 3% ขณะที่ CPI-trim ลดลงเหลือ 3.1% จาก 3.2% ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 3.2%
อนึ่ง BoC ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4.75% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ในช่วงระหว่างเดือนมี.ค. 2565 ถึงก.ค. 2566 และได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมในการประชุมติดต่อกันเป็นเวลา 6 ครั้งเพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อ
การประกาศอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ BoC จะมีขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย. โดย BoC จะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด รวมถึงตัวเลขของเดือนเม.ย.ด้วย
หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าว เงินดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.3820 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ