ร้านฟาสต์ฟู้ดหลายแห่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงแล้ว หลังสตาร์บัคส์ประกาศว่า ยอดขายในไตรมาส 1/2567 ปรับตัวลดลง ขณะที่พิซซ่าฮัท (Pizza Hut) และเคเอฟซี (KFC) ก็มียอดขายลดลง ส่วนแมคโดนัลด์ก็ต้องงัดทุกกลยุทธ์เพื่อแย่งลูกค้ามาให้ได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดรับกับมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดการณ์ว่า ผู้บริโภคจะปรับลดค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือวิกฤติของแพงและดอกเบี้ยสูง แต่แนวโน้มดังกล่าวก็ใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าจะส่งผลให้เครือร้านฟาสต์ฟู้ดมียอดขายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ดี ปัญหาของแพงไม่ได้เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ยอดขายลดลง โดยสตาร์บัคส์กล่าวว่า สภาพอากาศที่ย่ำแย่ทำให้ยอดขายลด ขณะที่บริษัทแม่ของพิซซ่าฮัท เคเอฟซี และทาโก้เบลล์ โทษว่าเป็นเพราะพายุหิมะในเดือนม.ค. ขณะที่ยอดขายไตรมาสแรกของปีที่แล้วนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนทำให้เปรียบเทียบได้ลำบากในปีนี้
สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารจานด่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าการรับประทานอาหารที่บ้าน โดยราคาของร้านอาหารที่ให้บริการอย่างจำกัด (limited-service restaurants) ปรับตัวขึ้น 5% ในช่วงเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ราคาของชำปรับตัวขึ้นในอัตราที่ช้ากว่า
นายเอียน บอร์เดน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแมคโดนัลด์ ได้กล่าวเมื่อวันอังคาร (30 เม.ย.) ว่า "เห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังดิ้นรนเพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่นับวันมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ หรือผู้บริโภคที่มาเยือนไม่บ่อยนัก และเราต้องแน่ใจว่า เรามีความคิดอย่างนักสู้ข้างทางที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ ไม่ว่าสภาพโดยรอบของเราจะเป็นเช่นไรก็ตาม"
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าจะยังคงสั่งเมนูโปรด แม้จะมีราคาแพงกว่าเมื่อปีที่แล้วก็ตาม โดยเครือร้านอาหารยอดนิยมอย่างวิงสต็อป (Wingstop) รายงานยอดขายในสหรัฐเพิ่มขึ้น 21.6% ในไตรมาสแรก เช่นเดียวกับชิโปตเล เม็กซิกัน กริลล์ (Chipotle Mexican Grill) ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังทรัพย์มากกว่า มีรายได้เพิ่มขึ้น 5.4% ในไตรมาสแรก และร้านป็อปอายส์ (Popeyes) มียอดขายเพิ่มขึ้น 5.7%
นายคริส เคมป์ชินสกี ซีอีโอของแมคโดนัลด์ กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า การระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายแผ่ขยายไปทั่วโลก โดยบริษัทหลายแห่งในภาคส่วนร้านอาหารและภาคส่วนอื่น ๆ เตือนว่า แรงกดดันของผู้บริโภคยังคงมีอยู่