ผลสำรวจของบริษัท เอินส์ท แอนด์ ยัง (Ernst & Young หรือ EY) เผยให้เห็นว่า ลอนดอนยังคงเป็นเมืองชั้นนำของยุโรปในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ด้านบริการทางการเงิน โดยอังกฤษครองสัดส่วนในโครงการใหม่ ๆ สูงที่สุดในรอบทศวรรษ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลสำรวจจากผู้ตอบแบบสอบถาม 900 คน ระบุว่า ลอนดอนมีการลงทุน FDI รวม 81 โครงการในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าเมื่อปีก่อนหน้าถึง 76% และมากกว่าเมืองอันดับที่ 2 อย่างปารีสกว่าเท่าตัว โดยปารีสมีการปรับตัวลดลง 11% นอกจากนี้ รายงานยังระบุอีกว่า ปารีสกำลังค่อย ๆ เอาชนะใจนักลงทุนอย่างช้า ๆ และมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นผู้ท้าชิงของลอนดอนในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า
นางแอนนา แอนโทนี หุ้นส่วนผู้จัดการประจำแผนกบริการทางการเงินอังกฤษของ EY กล่าวว่า แม้อังกฤษจะมีสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ท้าทายและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ "แต่เสถียรภาพของภาคบริการทางการเงินอังกฤษทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติยังคงแข็งแกร่ง" อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกยุโรปก็มีแนวโน้มดีพอที่จะเข้ามาเป็นคู่แข่งได้เช่นกัน
ผลสำรวจของ EY ชี้ว่า นักลงทุนยังคงมองว่าอังกฤษยังคงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการทำธุรกิจแม้จะมีการเบร็กซิต (Brexit) และผลงานที่ย่ำแย่ในตลาดหุ้นลอนดอนที่สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันก็ตาม โดยข้อมูลที่รวบรวมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กแสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นลอนดอนครองสัดส่วนเพียง 2% ของการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) มูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
อังกฤษคว้าโครงการไปได้ 1 ใน 3 ของบริการทางการเงินทั้งหมดในยุโรป ซึ่งทิ้งห่างคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดอย่างฝรั่งเศสออกไปอีก โดย EY พบว่า อังกฤษดึงดูดโครงการได้ 108 โครงการในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 76 โครงการในปี 2565