สำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) เปิดเผยว่า จีนนำเข้าทองคำแท่งลดลงในเดือนเม.ย. เนื่องจากอุปสงค์ชะลอตัวลงหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลของ GAC ระบุว่า จีนนำเข้าทองคำ 136 ตันในเดือนเม.ย. ซึ่งลดลง 30% จากเดือนมี.ค. โดยยอดการนำเข้าทองคำในเดือนเม.ย.ถือเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้
แม้ทิศทางของราคาทองคำได้รับอิทธิพลจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่อุปสงค์ทองคำที่แข็งแกร่งในจีนถือเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่จีนมีตัวเลือกการลงทุนไม่มากเท่ากับประเทศอื่น ๆ โดยภาคครัวเรือนและนักลงทุนของจีนได้เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์, ตลาดหุ้นที่ผันผวน และเงินหยวนที่อ่อนค่าลง
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 18 เดือนติดต่อกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายทุนสำรองและป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อทองคำของธนาคารกลางจีนชะลอตัวลงในเดือนเม.ย.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อุปสงค์ทองคำที่อ่อนแอลงของจีนอาจทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ราคาทองคำอาจได้รับปัจจัยลบจากการที่จีนใช้มาตรการสกัดการเก็งกำไรในตลาดทองคำ โดยล่าสุดตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange - SGE) ได้เพิ่มข้อกำหนดการวางเงินประกัน (Margin Call) ของสัญญาทองคำบางส่วนตั้งแต่วันนี้ (21 พ.ค.) เพื่อควบคุมความเสี่ยงในตลาด